วันเสาร์, 28 มิถุนายน 2568

วิธีฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์ Mac

04 ต.ค. 2024
122

Mac ที่มีชิป Apple Silicon หรือชิป Apple T2 Security อาจหยุดตอบสนองและจำเป็นต้องได้รับการฟื้นคืนหรือกู้คืนโดย Mac เครื่องอื่น ซึ่งเป็นกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อย

เมื่อใดที่ควรฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

สิ่งที่คุณต้องใช้ในการฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

วิธีเตรียมแล็ปท็อปเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน

วิธีเตรียมคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน

วิธีฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

เมื่อใดที่ควรฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

Mac ที่มีชิป Apple Silicon หรือ Apple T2 Security อาจไม่ตอบสนอง หากเฟิร์มแวร์ที่เก็บไว้ในหน่วยความจำต้องได้รับการฟื้นคืนหรือกู้คืน ซึ่งกรณีนี้เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อย เช่น เมื่อไฟฟ้าดับเกิดขัดจังหวะการติดตั้ง macOS อาการอาจรวมถึง:

หากต้องการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องลบไฟล์ใดๆ ให้ฟื้นคืนเฟิร์มแวร์ของ Mac หรือกู้คืน หากการฟื้นคืนไม่สำเร็จ

สิ่งที่คุณต้องใช้ในการฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

  1. Mac ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งก็คือ Mac ที่มีชิป Apple Silicon หรือ Mac ที่มีชิป Apple T2 Security ที่คุณกำลังจะฟื้นคืนหรือกู้คืน ไม่สามารถใช้กับ Mac รุ่นอื่นๆ ได้
  2. Mac เครื่องอื่นที่ใช้ macOS Monterey 12.4 หรือใหม่กว่า คุณจะใช้ Mac เครื่องนี้เพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน Mac ที่ได้รับผลกระทบ
    • หาก Mac เครื่องนี้ใช้ macOS Monterey หรือ macOS Ventura ให้ดาวน์โหลด Apple Configurator จาก App Store,1 แล้วเปิดแอปก่อนดำเนินการต่อ
    • หาก Mac เครื่องนี้ใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า คุณไม่จำเป็นต้องมี Apple Configurator
  3. สาย USB-C to USB-CUSB-C เป็น USB-C ที่รองรับข้อมูลและการชาร์จ เช่น สายชาร์จ Apple USB-C ที่มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ Apple บางรุ่น ใช้งานได้กับ พอร์ตบน Mac ที่ยอมรับขั้วต่อ USB-C ประเภท: Thunderbolt 4, Thunderbolt / USB 4, Thunderbolt 3 หรือ USB 3 อย่าใช้สาย Thunderbolt 3Thunderbolt 3

วิธีเตรียมแล็ปท็อปเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน

ให้ใช้สาย USB-C เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง จากนั้นเข้าสู่โหมด DFU (การอัปเดตเฟิร์มแวร์อุปกรณ์) บนคอมพิวเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ

  1. ตรวจสอบว่าคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่องเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟ
  2. บน MacBook Pro หรือ MacBook Air ที่ได้รับผลกระทบ ให้หาพอร์ต DFU แล้วเสียบสาย USB-C เข้ากับพอร์ตนั้น
  3. บน Mac อีกเครื่อง:
    • เสียบปลายอีกด้านของสาย USB-C เข้ากับพอร์ต USB-C ใดก็ได้
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Mac เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่2
    • หาก Mac เครื่องนี้ใช้ macOS Ventura หรือ macOS Monterey ให้เปิด Apple Configurator
  4. ให้เข้าสู่โหมด DFU บน Mac ที่ได้รับผลกระทบ:
    1. กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 10 วินาทีจนกว่า Mac ของคุณจะดับลง (หาก Mac ของคุณมีปุ่ม Touch ID แสดงว่าปุ่มนั้นเป็นปุ่มเปิด/ปิดด้วย)
    2. กดและปล่อยปุ่มเปิด/ปิด จากนั้นกดปุ่มทั้งสี่บนคีย์บอร์ดในตัวค้างไว้ทันที
      • Control ⌃ ทางด้านซ้ายของคีย์บอร์ด
      • Option ⌥ ทางด้านซ้ายของคีย์บอร์ด
      • Shift ⇧ ทางด้านขวาของคีย์บอร์ด
      • ปุ่มเปิดปิด
    1. แล็ปท็อป Mac ที่มี Apple Silicon:
      • กดปุ่มทั้งสี่ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที จากนั้นปล่อยปุ่มทั้งหมดยกเว้นปุ่มเปิดปิด
      • กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้อีก 10 วินาที เมื่อ Mac อีกเครื่องแสดงหน้าต่าง DFU ใน Finder หรือ Apple Configurator แสดงว่า Mac เครื่องนี้เข้าสู่โหมด DFU สำเร็จ และคุณสามารถปล่อยปุ่มเปิดปิดได้
    2. แล็ปท็อป Mac ที่มีชิป T2: กดปุ่มทั้งสี่ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จากนั้นปล่อยปุ่มทั้งหมด เมื่อ Mac อีกเครื่องแสดงหน้าต่าง DFU ใน Finder หรือ Apple Configurator แสดงว่า Mac เครื่องนี้เข้าสู่โหมด DFU สำเร็จ
  1. ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืนโดยใช้ Finder หรือ Apple Configurator

วิธีเตรียมคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน

ให้ใช้สาย USB-C เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง จากนั้นเข้าสู่โหมด DFU (การอัปเดตเฟิร์มแวร์อุปกรณ์) บนคอมพิวเตอร์ที่ได้รับผลกระทบ

  1. บน Mac ที่ได้รับผลกระทบ ให้หาพอร์ต DFU แล้วเสียบสาย USB-C เข้ากับพอร์ตนั้น
  2. บน Mac อีกเครื่อง:
    • เสียบปลายอีกด้านของสาย USB-C เข้ากับพอร์ต USB-C ใดก็ได้
    • ตรวจสอบว่า Mac เครื่องนี้เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟและอินเทอร์เน็ตแล้ว2
    • หาก Mac เครื่องนี้ใช้ macOS Ventura หรือ macOS Monterey ให้เปิด Apple Configurator
  3. ให้เข้าสู่โหมด DFU บน Mac ที่ได้รับผลกระทบ:
    1. ถอดปลั๊ก Mac ออกจากแหล่งจ่ายไฟ
    2. กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้
    3. กดปุ่มเปิดปิดค้างไว้ในขณะที่เสียบ Mac เข้ากับแหล่งจ่ายไฟ และกดปุ่มค้างไว้อีก 10 วินาที เมื่อ Mac อีกเครื่องแสดงหน้าต่าง DFU ใน Finder หรือ Apple Configurator แสดงว่า Mac เครื่องนี้เข้าสู่โหมด DFU สำเร็จ และคุณสามารถปล่อยปุ่มเปิดปิดได้
  4. ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืนโดยใช้ Finder หรือ Apple Configurator

วิธีการฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์

หลังจากเตรียมคอมพิวเตอร์แล็บท็อป หรือเตรียมคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปตามที่อธิบายข้างบน ให้ใช้ Finder หรือ Apple Configurator เพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน Mac ที่ได้รับผลกระทบ โดยขึ้นอยู่กับ macOS หรือ Mac เครื่องอื่นที่ใช้

ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า Mac พร้อมที่จะฟื้นคืนหรือกู้คืนจาก Finder (macOS Sonoma หรือใหม่กว่า):

ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า Mac พร้อมที่จะฟื้นคืนหรือกู้คืนจาก Apple Configurator (macOS Monterey 12.4 หรือใหม่กว่า):

ฟื้นคืน

ลองฟื้นคืนก่อน ซึ่งอาจเร็วกว่าการกู้คืนและไม่ได้ลบข้อมูล Mac ของคุณ

  1. หากใช้ Finder (ต้องใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า):
    1. ในแถบด้านข้างของหน้าต่าง Finder ให้เลือก “Mac” ตามภาพด้านบน หากคุณไม่เห็น
    2. คลิกปุ่ม “ฟื้นคืน Mac” จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อ” เพื่อยืนยัน แถบความคืบหน้าในหน้าต่างนี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นคืนกำลังดำเนินการอยู่
  2. หากใช้ Apple Configurator (ต้องใช้ macOS Monterey 12.4 หรือใหม่กว่า):
    1. เปิด Apple Configurator ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store1
    2. ในหน้าต่าง Apple Configurator ให้เลือก “DFU” สำหรับ Mac ที่ได้รับผลกระทบ ดังที่แสดงในภาพด้านบน หากคุณไม่เห็น
    3. จากแถบเมนู ให้เลือก การดำเนินการ > ขั้นสูง > ฟื้นคืนอุปกรณ์ แถบความคืบหน้าในหน้าต่างนี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นคืนกำลังดำเนินการอยู่
  3. เมื่อการฟื้นคืนเสร็จสมบูรณ์ Mac ที่ได้รับผลกระทบจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ หากเครื่องดับลง ให้กดปุ่มเปิด/ปิดเพื่อเปิดเครื่อง
  4. หากระบบถาม ให้เลือกโวลุ่มที่จะกู้คืน (เช่น Macintosh HD) จากนั้นคลิกถัดไป
  5. หากระบบถาม ให้เลือกผู้ใช้ที่คุณรู้จักรหัสผ่าน และป้อนรหัสผ่านของผู้ใช้นั้น คลิกถัดไป จากนั้นคลิกรีสตาร์ท
  6. Mac ที่มีชิป Apple Silicon: Mac ที่ฟื้นคืนจะโหลดตัวเลือกการเริ่มต้นระบบ ซึ่งรวมถึง ตัวเลือกไอคอนรูปเฟือง เลือกดิสก์เริ่มต้นของคุณ (เช่น Macintosh HD) จากนั้นคลิกปุ่มดําเนินการต่อที่ปรากฏด้านล่าง
  7. Mac ที่ฟื้นคืนเสร็จแล้วจะเริ่มต้นระบบจนเสร็จสิ้นและถือว่าขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์

กู้คืน

หาก Mac ของคุณไม่สามารถฟื้นคืนได้ ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อลบและกู้คืนเป็นการตั้งค่าจากโรงงาน

  1. หากใช้ Finder (ต้องใช้ macOS Sonoma หรือใหม่กว่า):
    1. ในแถบด้านข้างของหน้าต่าง Finder ให้เลือก “Mac” ตามภาพด้านบน หากคุณไม่เห็น
    2. คลิกปุ่ม “กู้คืน Mac” จากนั้นคลิก “กู้คืนและอัปเดต” เพื่อยืนยัน แถบความคืบหน้าในหน้าต่างนี้แสดงให้เห็นว่าการกู้คืนกําลังดําเนินการอยู่
  2. หากใช้ Apple Configurator (ต้องใช้ macOS Monterey 12.4 หรือใหม่กว่า):
    1. เปิด Apple Configurator ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store1
    2. ในหน้าต่าง Apple Configurator ให้เลือก “DFU” สำหรับ Mac ที่ได้รับผลกระทบ ดังที่แสดงในภาพด้านบน หากคุณไม่เห็น
    3. จากแถบเมนู ให้เลือก การดำเนินการ > กู้คืน จากนั้นคลิก “กู้คืน” เพื่อยืนยัน แถบความคืบหน้าในหน้าต่างนี้แสดงให้เห็นว่าการกู้คืนกําลังดําเนินการอยู่
  3. เมื่อการกู้คืนเสร็จสมบูรณ์ Mac ที่ได้รับผลกระทบจะรีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ หากเครื่องดับลง ให้กดปุ่มเปิด/ปิดเพื่อเปิดเครื่อง
  4. หากระบบถาม ให้เลือกเครือข่าย Wi-Fi หรือเชื่อมต่อสายเครือข่าย
  5. Mac ที่มี Apple Silicon:
    1. หากระบบถาม ให้ลงชื่อเข้าบัญชี Apple ที่ใช้ก่อนหน้านี้กับ Mac เครื่องนี้
    2. เมื่อผู้ช่วยตั้งค่า เปิดขึ้น ให้ใช้ตัวเลือกดังกล่าวเพื่อตั้งค่า Mac ของคุณให้เสร็จสิ้น
  6. Mac ที่มีชิป T2:
    1. Mac ที่กู้คืนจะแสดงลูกโลกหมุนขณะที่กำลังเริ่มต้นระบบจากการกู้คืน macOS ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เลือกภาษาของคุณ เมื่อระบบขอ
    2. หากระบบถาม ให้ลงชื่อเข้าบัญชี Apple ที่ใช้ก่อนหน้านี้กับ Mac เครื่องนี้ จากนั้นคลิกออกจากโหมดการกู้คืน
    3. เมื่อคุณเห็นรายการยูทิลิตี้ในการกู้คืน ให้เลือกตัวเลือกเพื่อ ติดตั้งหรือติดตั้ง macOS ใหม่
    4. หลังจากติดตั้ง macOS แล้ว Mac จะรีสตาร์ทและเปิดผู้ช่วยตั้งค่า ใช้ตัวเลือกดังกล่าวเพื่อตั้งค่า Mac ของคุณให้เสร็จ

หากคุณไม่เห็น Mac ของคุณในหน้าต่าง

หลังจากตั้งค่าคอมพิวเตอร์แล้ว หาก Mac ที่ได้รับผลกระทบไม่ปรากฏใน Finder หรือ Apple Configurator ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

  • หากคุณใช้ Finder เพื่อฟื้นคืนหรือกู้คืน ให้เลือก Finder > การตั้งค่าจากแถบเมนู คลิกแถบด้านข้างที่ด้านบนสุดของหน้าต่างการตั้งค่า จากนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่า “แผ่น CD, แผ่น DVD และอุปกรณ์ iOS” ถูกเลือกอยู่
  • ถอดสาย USB-C ออกจาก Mac ที่ได้รับผลกระทบ จากนั้นกดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ 10 วินาทีเพื่อปิด Mac ที่ได้รับผลกระทบ เชื่อมต่อสาย USB-C เข้ากับพอร์ต DFU อีกครั้ง แล้วลองอีกครั้งเพื่อเข้าสู่โหมด DFU การกดปุ่มต่างๆ ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสําคัญ
  • ลองใช้สาย USB-C เส้นอื่น สาย USB-C ต้องรองรับทั้งข้อมูลและการชาร์จ

หากคุณไม่สามารถฟื้นคืนหรือกู้คืนเฟิร์มแวร์ให้เสร็จสมบูรณ์หรือยังต้องการความช่วยเหลือ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนของ Apple

  1. หาก App Store แจ้งให้คุณดาวน์โหลด Apple Configurator เวอร์ชั่นเก่าที่เข้ากันได้ ให้อนุญาตการดาวน์โหลด แล้วใช้เวอร์ชั่นที่เก่ากว่า หาก App Store แจ้งว่าไม่สามารถติดตั้ง Apple Configurator ได้ โปรดตรวจสอบว่าคุณลงชื่อเข้า App Store แล้ว
  2. * หากคุณกําลังใช้เว็บพร็อกซีหรือไฟร์วอลล์ เว็บพร็อกซีหรือไฟร์วอลล์ดังกล่าวจะต้องอนุญาตการรับส่งข้อมูลเครือข่ายจาก Mac ไปยังเครือข่ายของ Apple 17.0.0.0/8 หากคุณไม่แน่ใจ ให้ศึกษาคู่มือเราเตอร์หรือปรึกษาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ Apple บนเครือข่ายองค์กร